วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556


[Review] รีวิว ระบบปฏิบัติการ Windows 8 อีกขั้น ของระบบปฏิบัติการ ที่รวมประสบการณ์การใช้งานทั้ง PC และ Tablet เข้าด้วยกัน

[31-ตุลาคม-2555] ปฏิเสธไม่ได้ว่า ระบบปฏิบัติการ Windows นั้นยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด และแน่นอนว่า ทุกครั้งที่มีการเปิดตัว Windows เวอร์ชั่นใหม่ๆ ย่อมต้องได้รับความสนใจมากเป็นธรรมดา ซึ่งระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดอย่างWindows 8 นั้น ก็กำลังเป็นที่สนใจของผู้ใช้งาน Windows มากขึ้นเรื่อยๆ และในวันนี้ ทีมงานได้มีการนำเอา การรีวิวWindows 8 จากเว็บไซต์ ต่างประเทศ​มาให้ได้ชมกัน เราลองมาดูกันว่า Windows 8 จะน่าใช้มากแค่ไหน
สำหรับขั้นตอนการติดตั้งของ Windows 8 นั้นถือว่าทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คุณใส่แผ่นดิสก์ ที่มีตัวติดตั้งของ Windows 8 และทำตามขั้นตอนที่เห็นบนหน้าจอ ก็สามารถติดตั้งได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ ระยะเวลาในการติดตั้งนั้น ยังถือว่าเร็วกว่าแต่ก่อนพอสมควรอีกด้วย
นอกจากนี้สำหรับท่านที่ต้องการอัพเกรดจาก Windows 7 ไปเป็น Windows 8 นั้นจะยังมีตัวเลือกสำหรับการแบคอัพ แอพพลิเคชั่น เพื่อนำไปใช้งานบน Windows 8 ได้อีกด้วย แต่การที่จะเลือกให้แบคอัพแอพพลิเคชั่นต่างๆเพื่อใช้งานบน Windows 8 นั้น จะทำให้การติดตั้ง ใช้เวลานานขึ้นกว่าเดิมพอสมควร
ซึ่งเมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีขั้นตอนสำหรับ ตั้งค่าผู้ใช้ และเข้าสู่การใช้งาน Windows 8 ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนสีของ ธีม ได้ตามใจชอบ ในทุกเวลาที่คุณต้องการ ซึ่ง Interface แรกที่คุณจะได้พบหลังจากติดตั้ง Windows 8 เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น จะทำให้คุณรู้สึกถึงความทันสมัยของระบบปฏิบัติการในยุคใหม่กันเลยทีเดียว

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดของ Windows 8 นั่นก็คือ Startpage ที่ไม่หลงเหลือเค้าเดิม ของวินโดวส์เวอร์ชั่นก่อนหน้าเลย ซึ่งหน้าตาแบบใหม่นั้น ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วยการใช้ระบบทัช มากขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลไป หน้าตาของการใช้งานแบบเดิมๆ ยังคงมีอยู่บน Windows 8 อย่างแน่อนน
และในหน้า Start page นี่เอง จะประกอบด้วย Application ต่างๆ ที่สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม หากคุณเคยใข้งาน Windows Phone มาบ้าง จะรู้สึกว่า Windows 8 นั้น มีการออกแบบที่ต่อยอดมาจาก Windows Phone อย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

นอกจากนี้ คุณยังสามารถจัดการไอค่อนต่างๆบน Start Page ได้อย่างง่ายดาย โดยการคลิกที่ไอค่อนค้างไว้ แล้วลากไปยังตำแหน่งต่างๆ ตามที่คุณต้องการจะจัด รวมไปถึง การคลิกขวา เพื่อโชว์เมนูต่างๆว่าเราจะสามารถทำอะไรกับไอค่อนเหล่านี้ได้บ้าง
สำหรับ จุดเด่นของ Start Page บน Windows 8 คือคุณสามารถค้นหาแอพพลิเคชั่น หรือเข้าใช้งาน แอพพลิเคชั่น ได้อย่างง่ายดาย บนอินเทอร์เฟสที่สวยงาม ซึ่งหากคุณมีหน้าจอแบบทัชสกรีน คุณจะยิ่งรู้สึกถึง ความสะดวกในการใช้งานมากขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าคุณยังสามารถกลับเข้าใช้งานในโหมด Desktop ที่คุณคุ้นเคย ซึ่งหน้าตานั้นจะมีความคล้ายคลึงกับ Windows 7 อย่างมาก แต่คุณสามารถสลับไปยัง Start Page ได้ทุกเวลาที่ต้องการ แต่สำหรับการใช้งานในโหมด Desktop นั้นจะมีความแตกต่างจากการใช้งานจากหน้า Start Page อย่างเห็นได้ชัด
ยกตัวอย่างเช่น การ ตั้งค่าต่างๆใน Setting หากคุณใช้งานบน Desktop Mode อินเตอร์เฟสก็จะเป็นแบบที่คุณคุ้นเคยบน WIndows 7 แต่หาก ต้องการตั้งค่าที่ Start Page จะให้ความรู้สึกเหมือนคุณกำลังใช้ Tablet ที่มีเมนูการตั้งค่าที่เหมาะสำหรับการ ทัชเป็นอย่างมาก
แอพพลิเคชั่นมากมายที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับ Windows 8 ยกตัวอย่างเช่น แอพพลิเคชั่น Mail ที่จะช่วยจัดการเกี่ยวกับอีเมลล์ของคุณได้อย่างง่ายดาย โดยคุณสามารถใช้งานร่วมกับอีเมลล์ใดๆก็ได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น hotmail คุณสามารถใช้ Gmail, Yahoo หรือ อีเมลล์อื่นๆได้ตามต้องการ
แอพพลิเคชั่นอีกตัวที่น่าสนใจนั่นก็คือ Calendar ที่คุณจะสามารถบันทึกข้อมูลสำคัญๆ ลงในปฏิทิน นอกจากนี้ ตัวแอพพลิเคชั่นเองยังมีการ Intergrate กับ Google Calendar อีกด้วย หากคุณใช้งาน Google Calendar อยู่ ตัวแอพพลิเคชั่น จะทำการ Sync ข้อมูลเข้ามาให้อัตโนมัติ
และแอพพลิเคชั่น Messaging สำหรับขาแชท หากคุณเป็นคนนึงที่เล่น MSN เป็นประจำ แต่ยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถแอด Account Facebook หรือ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คอื่นๆที่รองรับ เพื่อใช้งานสำหรับการแชท โดยเฉพาะ Facebook Chat ได้อีกด้วย
Wather Apps ก็ถือว่าออกแบบมาได้อย่างสวยงามเหมาะมากสำหรับการเปิดทิ้งไว้ดู เพลินๆ ยามว่าง โดยแอพพลิเคชั่นนี้ จะทำการพยากรณ์อากาศล่วงหน้า ในสถานที่ต่างๆแบบ Real-Time
แอพพลิเคชั่นสำหรับเช็คข่าวสาร ก็มีมาให้พร้อมสำหรับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น News, Financial, และ Sports Apps โดยจะมาพร้อมกับอินเทอร์เฟสที่สวยงาม คุณสามารถติดตามข่าวสารต่างๆได้อย่างง่ายดาย ผ่าน Windows 8
สำหรับ Xbox Music นั้น คุณยังสามารถดาวน์โหลดเพลงฮิต ติดชาร์จ มาฟังได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึง Xbox Video ที่จะมี หนังต่างๆให้คุณได้เลือกซื้อ อีกทั้งยังมีรายการทีวีให้เลือกชมกันอีกมากมาย
และแน่นอน Windows 8 มาพร้อมกับ Windows 8 Store ที่คุณสามารถซื้อหรือดาวน์โหลด Application เจ๋งๆที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับ Windows 8 ได้อย่างลงตัว จะให้เปรียบเทียบก็คงจะเหมือนกับ Appstore บน iOS หรือ PlayStore ของ Google นั่นเอง

เรียกได้ว่าประสิทธิภาพของ Windows 8 นั้นดีขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเรียกใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น หากคุณใช้ Search Bar ของ Windows 8 คุณจะรู้สึกว่า มันเร็วกว่าการค้นหาไฟล์หรือโปรแกรมบน Windows 7 อย่างมาก
นอกจากนี้ในเรื่องของความเร็วในการ Boot เครื่องของ Windows 8 นั้นยังทำได้เร็วกว่าพอสมควร ซึ่งจากการจับเวลาการ Boot ของ Windows 8 จะใช้เวลาประมาณ 15 - 20 วินาที ในขณะที่ Windows 7 นั้นจะใช้เวลาประมาณ 30-40 วินาทีเลยทีเดียว ยิ่งถ้าคุณมี อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ SSD แล้วล่ะก็ คุณจะรู้สึกว่ามันรวดเร็วจนน่าตกใจเลยทีเดียว
ว่ากันว่า ถึงแม้ว่า Windows 8 จะมีีความน่าใช้งานมากแค่ไหน แต่ Windows 7 ยังถือว่าเป็นระบบปฏิบัติการ ที่เป็นมาตรฐานในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะครองตำแหน่งนี้ไปด้วยระยะเวลายาวนานอีกพอสมควร เนื่องจากผู้้ใช้หลายคน อาจจะยังไม่มีความจำเป็นที่จะเปลี่ยน และอาจจะไม่อยากที่จะต้องเริ่มต้นสร้างความเคยชินใหม่ กับระบบปฏิบัติการใหม่
แต่ในความเป็นจริงแล้ว Windows 8 นั้นถือว่า Microsoft นั้นออกแบบมาได้อย่างทันสมัย และง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น คุณยังคงสามารใช้งานในโหมด Desktop ที่คุณถนัด และ คุณยังสามารถสลับไปใช้ การแสดงผลแบบใหม่ที่สวยงาม ในเวลาที่คุณต้องการ
นอกจากนี้ ความเร็วและความสเถียรที่มากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนหน้านั้น ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ Windows 8 นั้นมีควาวมน่าสนใจมากขึ้น และแน่นอนว่า เมื่อคุณได้ลองใช้งานจริง คุณอาจจะติดใจกับหน้าตาแบบใหม่ของ Windows 8 จนอาจจะไม่อยากกลับไปใช้ของเดิมอีกเลยก็เป็นได้




[รีวิว] ระบบปฏิบัติการ iOS 7 เผยทุกฟังก์ชั่น พร้อมเปรียบเทียบ Interface ช็อตต่อช็อต ระหว่าง iOS 7 และ iOS 6

ตอนนี้ก็เรียกได้ว่า ระบบปฏิบัติการ iOS 7 นั้นก็ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งระบบปฏิบัติการ iOS 7 นั้นได้มีการปรับปรุงในเรื่องของดีไซน์ ใหม่ทั้งหมด รวมถึงก่อนหน้านี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลง หัวหน้าทีมพัฒนา iOS ด้วย  ซึ่งหัวหน้าทีมอย่าง Jony Ive นั้นก็เคยได้ให้สัมภาษณ์ ในช่วงปีที่ผ่านมาว่า เค้าเองไม่ค่อยถูกใจ หน้าตาของ iOS รุ่นก่อนหน้าสักเท่าไหร่ จึงเกิดการ รีดีไซน์ ครั้งใหญ่นั่นเอง และแน่นอนว่านอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงดีไซน์แล้ว ยังคงมีฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงการปรับปรุงภาพรวมของระบบปฏิบัติการ ให้ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย โดยในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ Thaimobilecenter ได้มีโอกาส นำเอาระบบปฏิบัติการ iOS 7 มารีวิวให้ทุกท่าได้ชมกัน โดยเวอร์ชั่นที่จะนำมารีวิวนั้น ยังคงเป็นเวอร์ชั่น Beta สำหรับนักพัฒนาเท่านั้น โดยเวอร์ชั่นเต็มอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่เห็นในรีวิวครั้งนี้ก็เป็นได้ครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราลองมาดูรีวิว iOS 7 กันเลยดีกว่าครับ
 สำหรับ LockScreen บน iOS 7 นั้นมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของแถบ slide to unlock ได้เปลี่ยนเป็นข้อความเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ยังคงใช้การ Slide ไปทางขวา เพื่อปลดล็อคเหมือนเดิม โดยจะ Slide ตรงส่วนใดก็ได้จากด้านข้าง นอกจากนี้ ขณะที่เราอยู่ในหน้าจอ LockScreen เราก็ยังคงเรียก Notification Center และ Control Center บน iOS 7 มาใช้งานได้
สำหรับ HomeScreen นั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของ Icon และแถบแอพพลิเคชั่นลัด ด้านล่าง ซึ่งบน iOS 7 นั้นดีไซน์ส่วนใหญ่จะออกแนวโปร่งแสง ส่วนในเรื่องของแถบ Status Bar ด้านบนนั้นก็มีการเปลี่ยนไอค่อนด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นไอค่อนแสดงสัญญาณโทรศัพท์ หรือแม้แต่ ไอค่อนแบตเตอรี่
สำหรับแอพพลิเคชั่น Mail นั้นมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบในเรื่องของฟอนต์อย่างชัดเจน ซึ่งไม่เพียงแค่แอพพลิเคชั่น Mail เท่านั้น Font ดั้งเดิมของระบบในหลายๆส่วนก็ถูกเปลี่ยนเป็น Font แบบ ใหม่นี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ในส่วนของ แอพพลิเคชั่น Phone หรือ การใช้งานโทรศัพท์นั้นมีการเปลี่ยนอินเทอร์เฟสใหม่ รวมถึงมีการย้ายแอพพลิเคชั่น Contact เดิมที่แยกออกมา มารวมไว้ในที่เดียวกัน ซึ่งบนหน้า Home Screen จะไม่มี Icon แอพพลิเคชั่น Contact อีกต่อไป
สำหรับ Browser อย่าง Safari นั้นก็ไม่ได้มีเพียงแค่การเปลี่ยนหน้าตาเป็นแบบใหม่เท่านั้น ยังมาพร้อมกับ Animation แบบใหม่ในส่วนของการสลับ Page Tab รวมถึง มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และ ประมวลผล Javascript ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556


Mac OS (แมค โอเอส)
  • เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้เฉพาะกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ที่ผลิตโดยบริษัทแอปเปิลแมคอินทอชโอเอสถูกเปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 1984 ลักษณะที่เด่นของระบบปฏิบัติการประเภทนี้คือ มีลักษณะที่ง่ายต่อการใช้งานมากกว่าระบบปฏิบัติการดอส เนื่องจากคำสั่งต่าง ๆ จะอยู่ในรูปแบบของเมนู และมีรูปภาพที่เรียกว่าไอคอน ที่ใช้แทนโปรแกรมหรืองานผู้ใช้สามารถใช้เมาส์คลิกเลือกเมนู หรือไอคอนเพื่อเรียกคำสั่งหรือโปรแกรมขึ้นมาทำงานได้ แทนการป้อนคำสั่งจากแป้นพิมพ์เหมือนดอส
    เนื่องจากเครื่องแมคอินทอชและไอบีเอ็ม จะมีการออกแบบซีพียูที่แตกต่างกัน กล่าวคือเครื่องไอบีเอ็มและไอบีเอ็มคอมแพททิเบิลจะใช้ไมโครโปรเซสเซอร์หรือซีพียูที่สร้างโดยบริษัท Intel ได้แก่ ซีพียูเบอร์ 80286, 80386, 80486 และในปัจจุบันคือเพนเที่ยม (Pentium) ซึ่งแทนซีพียูเบอร์ 80586 นั่นเอง ในขณะที่เครื่องแมคอินทอชจะใช้ไมโครโปรเซสเซอร์ที่สร้างโดยบริษัท Motorola ได้แก่ ซีพียูเบอร์ 68000, 68020, 68030 และ 68040 ดังนั้นจึง ไม่สามารถใช้แมคอินทอชกับเครื่องไอบีเอ็มทั่วไปได้ หรือแม้แต่นำโปรแกรมที่พัฒนาภายใต้ดอสไปเรียกใช้งานหรือรัน (run) บนเครื่องแมคอินทอช หรือในทางกลับกันได้ แต่ในเวอร์ชั่นใหม่ของแมคอินทอชคือ ตั้งแต่ Macintosh II เป็นต้นไป มีการเพิ่มแผงวงจรพิเศษให้สามารถนำซอฟต์แวร์บนดอสมารันอยู่บนเครื่องแมคได้ และในเวอร์ชัน 7 (System 7) ได้ถูกออกแบบให้เป็นโอเอสที่มีความสามารถทำงานในลักษณะของมัลติทาสกิ้งได้อีกด้วย
    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเครื่องแมคอินทอชยังคงเป็นเครื่องที่มีราคาค่อนข้างแพงมาก เมื่อเทียบกับเครื่องไอบีเอ็มคอมแพททิเบิลทั่วไปที่ใช้ระบบปฏิบัติการดอสหรือวินโดวส์ ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่ากับเครื่องตระกูลไอบีเอ็มMac OS (แมค โอเอส) เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้เฉพาะกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ที่ผลิตโดยบริษัทแอปเปิลแมคอินทอชโอเอสถูกเปิดตัวออกมาครั้งแรกในปี 1984 ลักษณะที่เด่นของระบบปฏิบัติการประเภทนี้คือ มีลักษณะที่ง่ายต่อการใช้งานมากกว่าระบบปฏิบัติการดอส เนื่องจากคำสั่งต่าง ๆ จะอยู่ในรูปแบบของเมนู และมีรูปภาพที่เรียกว่าไอคอน ที่ใช้แทนโปรแกรมหรืองานผู้ใช้สามารถใช้เมาส์คลิกเลือกเมนู หรือไอคอนเพื่อเรียกคำสั่งหรือโปรแกรมขึ้นมาทำงานได้ แทนการป้อนคำสั่งจากแป้นพิมพ์เหมือนดอส เนื่องจากเครื่องแมคอินทอชและไอบีเอ็ม จะมีการออกแบบซีพียูที่แตกต่างกัน กล่าวคือเครื่องไอบีเอ็มและไอบีเอ็มคอมแพททิเบิลจะใช้ไมโครโปรเซสเซอร์หรือซีพียูที่สร้างโดยบริษัท Intel ได้แก่ ซีพียูเบอร์ 80286, 80386, 80486 และในปัจจุบันคือเพนเที่ยม (Pentium) ซึ่งแทนซีพียูเบอร์ 80586 นั่นเอง ในขณะที่เครื่องแมคอินทอชจะใช้ไมโครโปรเซสเซอร์ที่สร้างโดยบริษัท Motorola ได้แก่ ซีพียูเบอร์ 68000, 68020, 68030 และ 68040 ดังนั้นจึง ไม่สามารถใช้แมคอินทอชกับเครื่องไอบีเอ็มทั่วไปได้ หรือแม้แต่นำโปรแกรมที่พัฒนาภายใต้ดอสไปเรียกใช้งานหรือรัน (run) บนเครื่องแมคอินทอช หรือในทางกลับกันได้ แต่ในเวอร์ชั่นใหม่ของแมคอินทอชคือ ตั้งแต่ Macintosh II เป็นต้นไป มีการเพิ่มแผงวงจรพิเศษให้สามารถนำซอฟต์แวร์บนดอสมารันอยู่บนเครื่องแมคได้ และในเวอร์ชัน 7 (System 7) ได้ถูกออกแบบให้เป็นโอเอสที่มีความสามารถทำงานในลักษณะของมัลติทาสกิ้งได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเครื่องแมคอินทอชยังคงเป็นเครื่องที่มีราคาค่อนข้างแพงมาก เมื่อเทียบกับเครื่องไอบีเอ็มคอมแพททิเบิลทั่วไปที่ใช้ระบบปฏิบัติการดอสหรือวินโดวส์ ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่ากับเครื่องตระกูลไอบีเอ็มhttp://www.med.cmu.ac.th/eiu/informatics/Literacy/computer/operating%20system/macos.htm
Android (แอนดรอยด์) มีพื้นฐานการทำงานมาจาก ระบบปฏิบัติการ Linux ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทที่ใช้ชื่อว่า แอนดรอยด์ แล้วถูกนำมาพัฒนาต่อยอดโดย กูเกิ้ล พร้อมด้วยความร่วมมือจากบริษัทต่างๆ รวมไปถึง ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือ มากกว่า 30 ราย Android เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 ปีต่อมาจึงนำไปใส่ในโทรศัพท์มือถือพร้อมออกวางจำหน่ายให้กับลูกค้า ได้ยลโฉมระบบปฏิบัติการใหม่ในปี พ.ศ. 2551 สิ่งที่ทำให้ Android ได้รับความสนใจจากบริษัทผลิตโทรศัพท์มือถือรวมไปถึงลูกค้า นั่นก็คือเรื่องลิขสิทธิ์นำ Android ไปใช้งาน จะอยู่ในลักษณะของซอฟต์แวร์เสรี หรือ สามารถนำ Android ไปใช้งานได้ฟรี อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้โปรแกรมเมอร์หรือผู้พัฒนาโปรแกรม ได้ดาวน์โหลดชุด Software Develop Kit ไปพัฒนาโปรแกรมได้อย่างอิสระ ส่งผลให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือ Android เข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรมและเกมส์ต่างๆ ได้ฟรี (มีค่าบริการในบางโปแกรม)
http://www.touchphoneview.com/news/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-android/

ประวัติและที่มาของ iOS

iOS (ก่อนหน้าiPhone OS ) เป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่พัฒนาและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Apple Incออกจำหน่ายในปี 2007 สำหรับiPhoneและiPod Touch ของมันได้รับการขยายเพื่อรองรับอุปกรณ์ที่แอปเปิ้ลอื่น ๆ เช่นiPadและโทรทัศน์แอปเปิ้ล
ซึ่งแตกต่างจากไมโครซอฟท์ 's Windows CE (Windows โทรศัพท์ ) และGoogle 's Android , แอปเปิ้ลไม่ได้ใบอนุญาตสำหรับการติดตั้ง iOS บนฮาร์ดแวร์ที่ไม่ใช่แอปเปิ้ล ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2012 , แอปเปิ้ลที่ App Storeมีมากกว่า 650,000 โปรแกรม iOS ซึ่งได้รับการเรียกรวมดาวน์โหลดมากกว่า 30 ล้านครั้ง มันมีส่วนแบ่ง 16% จากมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการหน่วยที่ขายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2010 หลังทั้งสองของ Google 's AndroidและNokia 's Symbian ในเดือนพฤษภาคม 2010 ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็คิดเป็น 59% ของการใช้โทรศัพท์มือถือบนเว็บของข้อมูล(รวมถึงการใช้ทั้งบนไอพอดทัชและไอแพด )
ส่วนติดต่อผู้ใช้ของ iOS ขึ้นอยู่กับแนวคิดของการจัดการตรงโดยใช้ท่าทางสัมผัสหลาย . องค์ประกอบการควบคุมการเชื่อมต่อประกอบด้วยเลื่อนสวิตช์และปุ่ม เพื่อตอบสนองผู้ใช้ป้อนเป็นได้ทันทีและให้อินเตอร์เฟซของเหลว ปฏิสัมพันธ์กับระบบปฏิบัติการรวมถึงท่าทางเช่นรูด , แตะ , หยิกและหยิกย้อนกลับซึ่งทั้งหมดนี้มีความหมายเฉพาะในบริบทของระบบปฏิบัติการ iOS และอินเตอร์เฟซแบบมัลติทัชของมัน ภายในaccelerometersถูกนำมาใช้โดยการใช้งานบางอย่างเพื่อตอบสนองต่อการสั่นของอุปกรณ์ (หนึ่งผลเหมือนกันคือคำสั่ง undo) หรือหมุนมันในสามมิติ (หนึ่งผลร่วมกันคือการเปลี่ยนจากแนวตั้งเป็นโหมดแนวนอน)
iOS มาจากOS Xกับที่มันหุ้นดาร์วินรากฐานและดังนั้นจึงเป็นUnixระบบปฏิบัติการ
ใน Ios, มีสี่เป็นชั้น abstractionหลักของระบบปฏิบัติการชั้น: Core Servicesชั้นชั้น Media, และโกโก้ Touchชั้น รุ่นปัจจุบันของระบบปฏิบัติการ (IOS 5.1.1) อุทิศ 1-1.5 GB ของหน่วยความจำแฟลชของอุปกรณ์สำหรับพาร์ติชันระบบที่ใช้ประมาณ 800 MB ของพาร์ติชันที่ (ที่แตกต่างกันไปตามรุ่น) สำหรับ iOS ตัวเอง